วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของน้ำส้มสายชูหมักธรรมชาติ

apple cider vinegar ทำเอง
ความจริงเกี่ยวกับการดื่มน้ำส้มสายชูหมัก

“ทันทีที่คุณดื่มน้ำส้มสายชูหมัก คุณจะรับรู้ได้ถึงความอ่อนเพลียของร่างกายจะถูกค่อย ๆ กำจัดทิ้งไปทีละน้อยและจะหมดไปภายในสองชั่วโมง”คุณสามารถยืนยันปรากฎการณ์นี้ง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเอง โดยสังเกตปัสสาวะของคุณก่อนดื่มและหลังดื่ม จะมีสีต่างกัน นั่นคือ เมื่อคุณดื่มน้ำส้มสายชูแล้ว 1-2 ชั่วโมงให้หลัง ปัสสาวะจะเริ่มใสขึ้น หรือหากคุณขี้สงสัยอยากดูให้ละเอียดมากขึ้นอีก ก็สามารถเช็คง่ายๆ ด้วยกระดาษลิตมัส ก่อนและหลังดื่มน้ำส้มสายชู จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าภายหลังดื่มแล้ว ปัสสาวะจะมีฤทธิเป็นด่างมากขึ้นซึ่งก่อนดื่ม จะมีฤทธิเป็นกรด

ฉันใดก็ฉันนั้น สำหรับปัสสาวะและโลหิตของเรา ก็จะมีปฎิกิริยาที่คล้ายกันก่อนดื่มโลหิตของเราในขณะที่อ่อนเพลีย
จะมีฤทธิเป็นกรด และภายหลังดื่มน้ำสัมสายชูหมัก ก็จะมีฤทธิเป็นด่างขึ้น นั่นก็แสดงว่า จะต้องมีสารตัวใดตัวหนึ่งที่ทำให้ร่างกายของเรา รู้สึกอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และทันทีที่เราดื่มน้ำส้มสายชูก็จะเกิดปฎิกิริยาทางเคมีบางอย่างที่สามารถขจัดสารตัวนั้นออกไป

“ดื่มน้ำส้มสายชูหมัก ช่วยกำจัดกรด แลคติค (lactic) และเป็นผู้ช่วยชั้นเยี่ยมของตับ“

ก่อนอื่นต้องเป็นที่เข้าใจโดยทั่วไปแล้วว่า ตับจะมีหน้าที่กำจัดสารพิบต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงสารที่ทำให้ร่างกายมนุษย์อ่อนเพลียด้วย

ซึ่งตัวการนี้เราเรียกว่ากรดแลคติค(lactic) ซึ่งเราต้องระมัดระวังไม่ให้ตับของเราเสียหาย หรือทำงานหนักขึ้น ซึ่งไม่มีอะไรมาทดแทนได้

หากผิดปกติขึ้น ดังนั้นจึงควรหาทางให้ตับทำงานได้ดีตลอดเวลา รับประทาน เนื้อ, ปลา, ไข่, น้ำมันมะพร้าว, ผักใบเขียว และดื่มน้ำสัมสายชูจะทำให้ตับทำงานได้สมบูรณ์มากขึ้นหรือเรียกตามภาษาชาวบ้านว่าอาหารบำรุงตับ

ทฤษฎีของเครบ (Kreb’s theory)
ดร.เครบ นักวิทยาศาสตร์ รางวัลโนเบิลชาวอังกฤษได้ค้นพบทฤษฎีนี้ตั้งแต่คศ.1953ดร.เครบได้อธิบายถึงทำไมการดื่มน้ำสัมสายชูช่วยขจัดความอ่อนเพลียของร่างกายเขาได้อธิบายถึงกระบวนการที่อาหารที่เรารับประทานเปลี่ยนไปเป็นพลังงานหรือการเผาผลาญอย่างละเอียด และรวมไปถึงความลับที่ทำให้ร่างกายมนุษย์รู้สึกอ่อนเพลียและวิธีการกำจัดมัน

จากการค้นพบของ ดร.เครบ ทำให้นักวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศญี่ปุ่น ศจ.ฮิชิโร อาคิตานิ จากมหาวิทยาลัยโตเกียวได้ทุ่มเทเวลาทั้งชีวิตพยายามให้คนญี่ปุ่นดื่มน้ำส้มสายชูหมักมากเท่าที่จะมากได้ จึงเป็นที่มาของวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่นิยมดื่มกันทั้งเกาะและก่อให้เกิดปัญหาตามมาคือ “คนแก่ล้นเมือง” อายุยืนยาวเป็นร้อยปี ที่นี้เรามาดูการทำงานอันมหัศจรรย์ของร่งกายเรา

เริ่มต้นที่เรารับประทานอาหารเข้าไปทำการย่อยเพื่อเปลี่ยนแป้งเป็นกลูโคส โปรตีนก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นกรดอมิโนอีก 20 ชนิด ไขมันจะถูกเปลี่ยนไปเป็นกลีเซอรรีน และกรดไขมัน อาหารต่าง ๆ เหล่านี้ก็จะถูกเผาผลาญและเปลี่ยนไปเป็นสารที่เราเรียกว่า ATP (Adenocine triphosphate)  ซึ่งให้พลังงานออกมาในรูปความร้อน  บางส่วนก็นำไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายเมื่อต้องการ เช่นโปรตีนอาหารเกือบทั้งหมดที่เรารับประทานจะถูกเปลี่ยนเป็นกรด 8 ชนิดและจะถูกลดปริมาณลงในรูปของการเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน (ATP) แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ก็จะเกิดขึ้นและถูกขับออกโดยกระบวนการหายใจออก น้ำก็จะถูกขับออกมาในรูปของปัสสาวะและเหงื่อ และถ้ากรดทั้ง 8 ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ

กระบวนการทั้งหมดที่ได้อธิบายมาก็จะไม่เกิดกรด ไพโรราสมิค (Pyroracemic หรือ ไพรูวิค(Pyruvic) และกรดแลคตริค ความเมื่อยล้าอ่อนเพลียและปวดตามกล้ามเนื้อก็จะไม่เกิด กล้ามเนื้อของเราก็จะนิ่มไม่แข็งเกร็ง โลหิตก็จะมีฤทธิเป็นด่าง ปัสสาวะก็จะใสขึ้นแน่นอนที่สุดก็จะมีฤทธิเป็นด่างด้วย มีความสดชื่น ตื่นตัว

ในทางตรงกันข้ามหากเราทำงานหนัก ทั้งทางกายและทางใจ หรืออาหารที่เรารับประทานเข้าไปแย่สุดๆ หรือร่างกายไม่ได้ดื่มน้ำส้มสายชู ก็จะทำให้กระบวนการที่กล่าวมา เมื่อสักครูไม่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพก็จะทำให้เกิด
กรดแลคติค  กรดนี้จะสะสมในกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดความเจ็บปวดและเมื่อยล้า หากกรดแลคติคสะสมในกล้ามเนื้อ ประมาณ 0.24-0.40% ของของเหลวในร่างกายเรา เราจะรู้สึกอ่อนเพลียหรือเหนื่อยทันที การตอบสนองของร่างกายจะช้าลงบางทีอาจทำให้ ทำงานผิดพลาดหรือไม่ก็อุบัติเหตุ หากปล่อยให้มีการสะสมของกรดแลคติคมากขึ้น บางรายถึงกับเกร็งหรือเป็นตะคริวทำให้ประสาทชา หรืออัมพาตได้ หรืออาจปวดต้นคอหรือไหล่ ทั้งหลายทั้งปวงเปล่านี้เกิดจากกรดแลคติคสะสมในร่างกายทั้งสิ้น

“ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการดื่มน้ำส้มสายชูหมักเพื่อเลือดที่เป็นปรกติ”
ภาวะที่เลือดมีกรดแลคติค จะทำให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหวข้าลง ทำให้เกิดภาวะเบื่อหน่ายน่ารำคาญ  โมโหง่ายหรือฉุนเฉียว นั่นยิ่งเป็นการเพิ่มปัญหาบนปัญหาเข้ามาอีกต่อหนึ่ง ภาวะนี้ร่างกายก็จะเสี่ยงต่อเชื้อโรคต่าง ๆ ความเจ็บป่วย ทางแก้ก็มีอยู่ 2 ทาง

หนึ่งนั่นคือ ทางใจ ท่านจะต้องฝึกจิตให้สามารถจัดการต้นเหตุที่กล่าวมา ซึ่งโดยปกติแล้ว พระสงฆ์หรือผู้ที่ฝึกสมาธิขั้นสูงเท่านั้นที่สามารถทำได้ แต่สำหรับเราๆ ท่านๆ ง่ายๆ ก็คือ ดื่มน้ำสัมสายชูหมัก เพื่อทำให้ภาวะเลือดเป็นกรดหายไปหรือเป็นด่างมากขึ้น

เบื้องต้นก็จะรู้สึกตรงกันข้ามกับที่เอ่ยมาทั้งหมดเมื่อดื่ม  สาเหตุหลักเนื่องมาจากน้ำสัมสายชูหมัก หรือกรดอะซิติคจะไปกำจัดกรดแลคติคให้หมดสิ้นโดยการทำให้วัฎจักรซิตริค (Citric cycle) หรือวัฏจักรเครบ ทำงานสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

“ดื่มน้ำสัมสายชูหมักจะทำให้หายเครียด”

ความเครียดคือความผิดปกติที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา ความหมาย ที่แท้จริงกินความกว้างกว่านี้มากนัก รวมไปถึงสิ่งต่าง ๆ ที่มีผลกระทบทำให้เรา เกิดความเครียด เช่น ร้อน หนาว เหนื่อย อาหารและรวมไปถึงความกังวลและ
เจ็บป่วย หากปล่อยให้ความเครียดเข้าครอบงำผลร้ายก็เกิด ตามมาบางราย ถึงกับล้มป่วย หรือเป็นโรคร้าย กลไกที่ทำให้เกิดความเครียด ถูกค้นพบโดย ดร.ฮาน นักวิทยาศาสตร์ รางวัลโนเบลชาวแคนาดา โดยการค้นพบฮอร์โมน
ACH และการทำงาน ของต่อมหมวกไต ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิต ประกอบไปด้วย 3 พวกใหญ่ ๆ คือ

ฮอร์โมนควบคุมการเผาผลาญอาหาร
ฮอร์โมนควบคุมปริมาณน้ำและเกลือแร่ในเลือด
ฮอร์โมนเพศ

ทั้งสามนี้เรียกรวมกันว่า ACH ฮอร์โมน ซึ่งถ้าไม่ปรกติ ท่านก็คงนึกออกว่าจะมีผลอย่างไรยกตัวอย่างเช่น ฮอร์โมนควบคุมการเผาผลาญอาหาร ถ้าไม่ปกติ ก็พวกกินน้อย แต่อ้วนเอา ๆหรือไม่ก็ทานเย๊อะแยะ เลยกลับผอมกะหร่อง ถ้าฮอร์โมนควบคุม ปริมาณน้ำและเกลือแร่ในเลือด บกพร่อง ก็จะก่อให้เกิดโรคเลือดตามมา

และที่สำคัญมากๆเลยถ้า ฮอร์โมนเพศไม่ปกติ หลายท่านคงอยากหนีไปบวช คิดว่าท่านคงจินตนาการเอาเองได้
หากปล่อยให้ความเครียดเกิดขึ้นนานเกินไป หรือ ACH ฮอร์โมน หลั่งน้อยเกินไป เราอาจแพ้ต่อความเครียด บางทีถึงขั้นล้มป่วย ดังนั้นเราต้องหาทางป้องกันความเครียดหรือกำจัดความเครียด ง่าย ๆ ก็โดยการพักผ่อน หรือนอนหลับ หรือกำจัดโดยกระตุ้นต่อมหมวกไตให้หลั่งฮอร์โมน โดยการดื่มน้ำสัมสายชูหมัก หรือกินอาหารที่มีประโยชน์ บางท่านถึงกับสรุปว่า ACH ฮอร์โมน ได้มาจากน้ำสัมสายชูหมัก ซึ่งเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่ ดร.ฮาน ได้รับเกียรติอันสูงสุดในการค้นพบครั้งนี้

“คลอเลสเตอรอล สิ่งที่คุณไม่ควรเกลียดและกลัวเมื่อคุณดื่มน้ำส้มสายชูหมักเป็นประจำ”
โรคหลอดเลือดแข็งตัวเป็นโรคที่ร้ายแรง รักษายากมาก หลายคนกลัวมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทราบถึงต้นตอและสาเหตุคือ “คลอเลสเตอรอล” ทั่วโลกประโคมจนทำให้เราทั้งเกลียดทั้งกลัวคลอเลสเตอรอล ร่างกายของเรามีคลอเลสเตอรอลจำนวนมาก มีบทบาทและความสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระแสเลือดอย่างที่คุณคิดไม่ถึง เช่น เมื่อเราตกอยู่ภาวะอันตราย คลอเลสเตอรอลจะนำ ACH ฮอร์โมน ไปยังที่หมายทันทีทันใด เมื่อใดที่คุณต้องการความแข็งแรง Hormone เพศก็จะถูกส่งไปในที่ที่ธรรมชาติต้องการ คนที่มี คลอเลสเตอรอลต่ำกว่าเกณฑ์ ปกติก็จะไม่สดชื่นเบื่อโลก ห่อเหี่ยว และที่สำคัญ อาจบกพร่องทางเพศเนื่องจาก ร่างกายเราเคลื่อนย้ายฮอร์โมนทั้งหลายผ่านคลอเลสเตอรอล
 
ศจ.โตกิโอ ชิมาโมโต เผยแพร่งานวิจัยถึงปัญหาหลอดเลือดแข็งตัวทำให้ทั่วโลกสนใจ เป็นอย่างยิ่ง เขาได้ค้นพบว่า หากมีการหลั่งแอนดีนาลีน (Andrenaline)  จากอาการโมโหสุดขีด, กังวล, เย็นจัด หรือเมื่อเราต้องการใช้คลอเลสเตอรอล เป็นพาหะเคลื่อนย้ายฮอร์โมน บ่อยเกินไปผ่านหลอดเลือดจะทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งตัว

หากเรากำจัด ต้นเหตุของการหลั่ง ฮอร์โมนชนิดนี้ เช่นความเครียดก็จะลด ความเสี่ยงลงได้มากแต่ที่สำคัญมากที่สุด ก็คือการควบคุม คลอเลสเตอรอลไม่ให้สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน

ซึ่งการดื่มน้ำส้มสายชูหมักเป็นประจำจะทำให้ปริมาณคลอเลสเตอรอลลดลง โดยกระบวนการเปลี่ยนแปลงเป็นกรดต่างๆและเข้าสู่วัฎจักรซิตริค (Citric cycle) ที่สมบูรณ์แบบ ตามการค้นพบของ ดร.เครบ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งจะทำให้ตับ
ทำงานน้อยลง ประสิทธิภาพของตับสูงขี้นเมื่อตรวจเลือด ซึ่งจะทำให้ตับ ซึ่งเป็นอวัยวะผลิตคลอเลสเตอรอล ส่วนใหญ่ของร่างกาย ผลิตคลอเลสเตอรอล ที่ปกติ ซึ่งพวกเราส่วนใหญ่เข้าใจผิดคิดว่า เป็นเพราะทานไขมันมากไปซึ่งอาจถูกสำหรับบางคนเท่านั้น ดังนั้นสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับคลอเลสเตอรอลเกินควรอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจประสิทธิภาพของตับ เมื่อตรวจโรคทั่วไปด้วย

 
“ ดื่มน้ำส้มสายชูหมักจะไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย โรคกระเพาะ และ จุกเสียด (heartburn) “มีการค้นพบว่าอาการจุกเสียดไม่ได้มีสาเหตุมาจากการหลั่งน้ำย่อยมากเสมอไป คนป่วยที่มีการหลั่งน้ำย่อยต่ำ หรือ บางรายผ่าตัดกระเพาะทิ้งแล้วยังมีอาการเลย บางรายดื่มน้ำทีมีฤทธิเป็นด่างหรือดื่มน้ำมากๆ ก็ยังคงมีอาการ การใช้ชีวิตที่รีบเร่ง ทั้งกิน และดื่มล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุของ อาการจุกเสียดทั้งสิ้นหากคุณ มีอาการกระเพาะเป็นแผลอยู่แล้วให้คุณดื่มน้ำส้มสายชูทีละน้อยก่อน แล้วสังเกตุอาการและค่อยๆเพิ่มปริมาณขึ้นทีละน้อยอย่างช้าๆ

วิธีสังเกต อาการเป็นแผลในกระเพาะคุณจะปวดภายหลังจากคุณรับประทานอาหารไปแล้วครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง แต่ถ้า
คุณปวดก่อนมื้ออาหาร ส่วนใหญ่แล้วจะมีแผลหรืออักเสบในลำใส้เล็กส่วนต้น แล้วทำไมต้องดื่มน้ำส้มสายชูหมัก ทั้งๆที่
น้ำย่อยของเรามีกรดไฮโดรคลอริคอยู่แล้ว คุณวางใจได้ สาเหตุเนื่องมาจากกรดอะซิติค ในน้ำส้มสายชูหมักทำให้ ระบบประสาทอัตโนมัติต่างๆกลับมาทำงานเป็นปรกติอีกครั้งซึ่งระบบประสาทอัตโนมัติเหล่านี้นี่แหละที่เป็นต้นเหตุ ทำให้เกิดการหลั่งน้ำย่อยมากผิดปกติและผิดเวลาทำให้เกิดแผลในกระเพาะ และทีพบบ่อยมากที่สุด ก็ “ ความเครียด“ ไงที่ทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติรวนเรหมด

หมายเหตุ:  หากท่านมีอาการมากอยู่ก่อนแล้วควรอยู่ภายใต้การดูแลจากหมอเอย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาแผลให้ทุเลาก่อน
วิธีนี้สำหรับผู้ที่มีอาการเป็นๆหายๆ น่ารำคาญซึ่งส่วนใหญ่ จะรักษาที่ปลายเหตุ เช่นทานยาเคลือบกระเพาะ คุมอาหาร
รสจัดทุกชนิด เหมือนตกนรกทั้งเป็น เพราะชีวิตมีแต่ความจืดชืดี
 
“คนเราเมื่อแก่ตัวลงทำไมต้องการแคลเซียมมากขึ้น”
ง่ายๆก็เพราะว่าร่างกายของคนแก่ดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลงทั้งๆที่ก็กินอาหาร ที่มีแคลเซียมสูงกว่าเดิมอีก แล้วกลไกอะไรที่ทำให้การดูดซึมหย่อนประสิทธิภาพลง ความลับก็คือ คนแก่น้ำย่อย จะลดลง ความเป็นกรดที่มีความจำเป็นต่อ
แคลเซียม ก็ลดลง หนำซ้ำตับอ่อนก็หลั่งโซเดียมไบคาร์บอเนตไปที่ลำใส้เล็ก ส่วนต้นและตอนบน ซึ่งมีฤทธิเป็นด่าง ทำให้แคลเซียม จับตัวกันเป็นโมเลกุลที่ใหญ่ขึ้นทำให้ไม่สามารถแทรกซึมผ่านผนังลำใส้เล็กดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ได้และจะถูกขับถ่ายทิ้งทางทวารอย่างน่าเสียดาย คนแก่จึงขาดแคลเซียมโดยปริยาย

ที่น่าสงสารมากเข้าไปอีก ก็คือ วิตามิน ซี และ บี 1 ที่มีประโยชน์ ก็ถูกด่างในลำใส้เล็กตอนต้นทำลายไปด้วย ดังนั้น น้ำส้มสายชูหมักจึงเปรียบเป็น โอสถทิพย์ของคนในวัยชราที่ต้องการให้ระบบการหลั่งน้ำย่อยเป็นปรกติ ที่สุดไม่สงสัยเลยว่า ทำไมชาวญี่ปุ่นจีงนิยมดื่มน้ำส้มสายชูหมักกันมากและมีอายุยืนยาวมากกว่าร้อยปี

สรุป การดื่มน้ำส้มสายชูหมักเป็นประจำก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายสุดคณานับ ทำให้เลือดมีสภาวะเป็นด่างหรือ pH ที่ 7.4  มีสีแดง เหมาะมากสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดและหัวใจ ซึ่งโดยปกติแล้วคนไข้ในกลุ่มนี้จะมีออกซิเจนในเลือดต่ำ มี กรดแลคติคสะสมในเลือดสูง ทำให้เลือดเป็นสีดำ เหนือดข้น อาการอ่อนเพลียเมื่อยล้า เหนื่อยง่าย ก็จะตามมา

การดื่มน้ำส้มสายชูหมักเป็นประจำ ปัสสาวะก็จะใสขึ้น และเป็นด่าง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสัญญาณของผู้ที่มีสุขภาพดีเลิศ นอกเหนือจากนี้ สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องทำงานหนักตรากตรำ จริงอยู่ คาเฟอีนในเครื่องดื่มชูกำลังทั้งหลาย สามารถทำให้ท่านหายเหนื่อยอย่างรวดเร็ว

แต่อย่าลืมนะว่ามันมีผลร้ายต่อร่างกายมาก บางประเทศถึงกับออกกฏหมายห้ามจำหน่าย แต่สำหรับประเทศด้อยและกำลัง พัฒนาก็อนุญาตให้ดื่มวันละ 2 ขวด เด็ก สตรีตั้งครรและคนชราห้ามดื่ม ลองมาดื่มน้ำส้มสายชูหมักผสมน้ำแข็ง หรืออยากได้รสซ่า อาจผสมโซดาเล็กน้อย จิบไปด้วยทำงานไปด้วยความอ่อนเพลียเมื่อยล้า ปวดกล้ามเนื้อ ก็จะค่อยๆหายไปภายใน 1-2 ชั่วโมง และยังดื่มกันได้ทั้งครอบครัว ไม่มีกฏหรือข้อห้าม

สำหรับผู้ที่มีภาวะเครียด ดื่มน้ำส้มสายชูหมักจะทำให้ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตทำงานปกติ เพื่อกำจัดความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าดื่มหลังอาหารเย็นจะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย หลับง่ายและลึกซึ่งเป็นสรรพคุณเบื้องต้นของการดื่มน้ำส้มสายชูหมักที่ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว

หลายรายที่ดื่มทำให้หายจาก สาระพัดโรคที่เกี่ยวเนื่องมา จากปัญหาการนอนไม่หลับทำให้ หลายท่านที่ได้ทดลองดื่มถึงกับเรียกว่า ยามหัศจรรย์ ซึ่งขอเรียนท่านว่า เครื่องดื่มส้มสายชูหมัก ไม่ใช่ยาแต่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ถึงแม้สรรพคุณสูงกว่ายาหลายชนิด ที่อวดอ้างสรรพคุณสำหรับผู้ที่มีปัญหาคลอเลสเตอรอลสูง หรือต้องการลดความอ้วน
น้ำส้มสายชูหมัก จะทำให้การเผาผลาญ และการทำงานของ citric cycle สมบูรณ์แบบ มากขึ้นและควร ผสมผสานกับการออกกำลังกายจะให้ผลดีมากที่สุด ยังมีสรรพคุณ ของ การดื่ม น้ำส้มสายชูหมัก อีกมากมาย เช่นการขจัดพิษ ซึ่งท่านสามารถ ค้นคว้าได้จากทาง อินเตอร์เนท หรือสื่ออื่นๆ ได้ทั่วไป ส่วนข้อเสียของน้ำส้มสายชุหมักมีเพียงรสชาติที่เปรี้ยวและมีกลิ่นฉุนน้ำส้มเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามปรัชญาของการมีสุขภาพที่ดีท่านต้องทานอาหารให้ครบ ทั้ง 5 หมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำ ทำจิตใจให้ผ่องใสไม่เครียด ไม่ใช่ อดอาหาร จนขาดสารอาหาร

หมายเหตุ: น้ำส้มสายชูหมักจากผลไม้ทุกชนิดมีสรรพคุณ และคุณสมบัติคล้ายๆกัน ยกเว้น น้ำส้มสายชูหมักจาก
น้ำอ้อยบริสุทธิ เท่านั้นที่ไม่มีโซเดียม จึงปลอดภัยต่อผู้ที่มีภาวะความดันสูง จึงเป็นสาเหตุที่ชาวญี่ปุ่นนิยมดื่มเฉพาะ
ที่หมักหรือทำมาจาก มาจากน้ำอ้อยบริสุทธิเท่านั้น

ที่มา http://www.thai-japanbev.com/general.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น