วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556

"น้ำมูตรเน่า"(ปัสสาวะ) ยาแสนดีในสมัยพุทธกาล

ฉี่ สกปรกหรือไม่?

ฉี่ คือน้ำส่วนเกินที่ร่างกายขจัดออกมาจากเลือดของเราเอง โดยไต (ที่ทำงานปกติ) ทำหน้าที่กรองอย่างดี ทำให้น้ำฉี่ใส มีสีเหลืองอ่อน รสเค็มนิด ๆ มีกลิ่นเหมือนแอมโมเนีย ฉี่เป็นน้ำที่มีอยู่ในร่างกายเราอยู่แล้ว เอามาดื่มเข้าไป จะไม่เป็นอันตรายต่อเราแน่นอน เพราะเป็นของตัวเราเอง และไตเป็นอวัยวะที่เปรียบเหมือนเครื่องกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ที่สามารถกรองฉี่ได้ใสสะอาด จงจำไว้ว่า ไตไม่ใช่อวัยวะที่ขับของเสียออกจากร่างกาย แต่ของเสียที่เรากินเข้าไปจะถูกกำจัดโดยตับ ซึ่งเปรียบเหมือนโรงงานกำจัดขยะในร่างกาย และของเสียที่เป็นกากจะถูกขจัดออกมาทางลำไส้ (อุจจาระ) น้ำทางเหงื่อ และก๊าซทางหายใจออก

ฉี่ ประกอบด้วยอะไรบ้าง?95% ของฉี่คือน้ำ 2.5% เป็น UREA 2.5% เป็นส่วนผสมของเกลือแร่, เกลือ, โฮโมน, เอ็มไซม์ และภูมิคุ้มกัน(Mixture of minerals, salt, hormones enzymes and antibody)

- มีการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ ชาว Australia 2 คน พบว่า เมื่อดื่มฉี่จะทำให้เรามีสมาธิ จิตใจสดชื่น อารมณ์ดีขึ้น แจ่มใส เพราะในฉี่มีฮอร์โมน ชื่อ Melatonin จะพบในฉี่ตอนเช้า

- นอกจากนี้ในฉี่ยังมี Enzymes ที่ชื่อว่า "UROKINASE" ที่ช่วยละลายไม่ให้เลือดแข็งตัว ช่วยในกรณีคนเป็นโรคหัวใจอย่างรุนแรงได้

- ในงานวิจัย ค้นพบว่าฉี่ของแต่ละคนจะมีผลต่อการทำงานในร่างกายของแต่ละคน (เจ้าของฉี่) โดยจะทำหน้าที่เป็นวัคซีนธรรมชาติ เป็นตัวต่อต้านแบคทีเรียและไวรัส ต่อต้านสารก่อมะเร็ง ทำให้เกิดความสมดุลย์กับฮอร์โมน และช่วยเรื่องภูมิแพ้ (ฉี่ทำหน้าที่เป็น natural vaccines, antibacterial, antiviral, anti-cancer agents, hormone balances, allergy relievers)

ฉี่รักษาโรคอะไรได้บ้าง?

เท่าที่ได้อ่านตำราและค้นคว้าในเอกสารต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ปรากฏว่ารักษาโรคได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันบกพร่อง เพราะฉี่จะไปปรับระดับภูมิคุ้มกันของร่างกายเรา (Immune System) ให้ดีขึ้น ทำให้โรคต่าง ๆ ที่เรื้อรังและร้ายแรงหายได้ เช่น ไข้หวัด ภูมิแพ้ กระเพาะอาหาร ปอด ไอและหอบหืด มะเร็ง และเอดส์ (Chronic Colds, Flu, Stomach Problems, Bronchitis Chronic and Severe Allergies, Asthma, Cancer and AIDS)

การใช้ฉี่มี 2 แบบ คือ แบบใช้ภายใน และแบบใช้ภายนอก

ใช้ภายใน >>

ดื่ม
ดื่มฉี่ตอนเช้า ช่วงกลางของฉี่ (Take the middle stream) โดยเริ่มต้นจาก 5 - 10 หยด ก่อนแล้วค่อยๆ เพิ่มจนถึง 1 แก้ว ประมาณ 100cc. มีประโยชน์ในการรักษาโรคทั่วไป

ล้างพิษ
ดื่มฉี่ตลอดทั้งวัน (ยกเว้นตอนเย็น) และดื่มน้ำสะอาดด้วย เป็นการล้างพิษจากร่างกาย โดยทำให้เลือดสะอาดขึ้น พิษ (Toxins) จะถูกกำจัดออกจากร่างกายทางอุจจาระ เหงื่อ และทางหายใจ

กลั้วคอ
เมื่อเรามีอาการเจ็บคอ ปวดฟัน และเมื่อมีอาการไอ เป็นหวัด

สวนก้น
ใช้ Detox โดยการสวนเข้าไปในก้น เพื่อล้างลำไส้ และเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย (Stimulate Immune System)

หยอดหู, ตา
เมื่อมีอาการหูและตาอับเสบ โดยการใช้ฉี่ผสมกับน้ำสุกที่สะอาดหยอดหู และตา

สูดเข้าจมูก
สูดเอาฉี่สด ๆ ตอนเช้าเข้าจมูกทั้งสองข้าง เพื่อล้างโพรงจมูก และคนที่เป็นไซนัส เป็นหวัด ภูมิแพ้ (น้ำมูกไหลเป็นประจำ)

ใช้ภายนอก >>

ใช้ทา, นวดผิวหนัง
โดยการนวดร่างกายทั้งหมดหรือบางส่วน โดยทิ้งไว้ประมาณ 1 ชม. แล้วล้างออก จะช่วยรักษาโรคผิวหนังได้ หรือผิวหนังที่โดนแดดเผา

ล้างเท้า
กรณีที่มีปัญหาที่ผิวหนัง และเล็บเท้า

ดื่ม
ดื่มฉี่ตอนเช้า ช่วงกลางของฉี่ (Take the middle stream) โดยเริ่มต้นจาก 5 - 10 หยด ก่อนแล้วค่อยๆ เพิ่มจนถึง 1 แก้ว ประมาณ 100cc. มีประโยชน์ในการรักษาโรคทั่วไป

สระผม
ช่วยทำให้ผมสะอาด และนุ่มสลวย และอาจจะทำให้ปริมาณผมมากขึ้น

ดื่มอย่างไร?
ดื่มฉี่ดีที่สุด คือ ตื่นนอนตอนเช้าใช้ฉี่ช่วงกลาง เราลองดื่มทดสอบก่อนประมาณ 5-10 หยด แล้วค่อย ๆ เพิ่มให้มากขึ้นได้ ถึง 100cc. หรือมากกว่านั้น แล้วแต่อาการของโรค และประเมินตัวเราเองว่าดีหรือไม่ดีสัก 1 อาทิตย์ผ่านไป บางคนอาจจะมีอาการระบายท้องบ้าง ถ้าดื่มมาก เราลองปรับเปลี่ยนปริมาณของตัวเองดู แต่ไม่มีอันตราย เพราะผมดื่มมานานแล้ว ครั้งแรกเมื่อปี 2540-2541 และเลิกไป ขณะนี้ผมกลับมาดื่มฉี่ใหม่ และดื่มอยู่ทุกวัน ผมเคยแนะนำหลายคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ลองดูก็ได้ผลดีมาก

สิ่งที่ผมทดลองและพิสูจน์แล้วได้ผล 100% คือ การหยุดเลือดกำเดาไหลออกจากจมูก โดยการสูดเอาฉี่เข้าจมูกข้างที่มีเลือดออกมา แล้วกดรูจมูกข้าวนั้นไว้ประมาณ 10 วินาที จากนั้นปล่อยฉี่ออกมาจากจมูกเลือดจะหยุดไหลทันที

การดื่มฉี่ครั้งแรกยากมาก เพราะเรามีความรู้สึกรังเกียจว่าเป็นของสกปรก เป็นของเสีย แต่ผมขอแนะนำให้ทำใจแข็ง อย่าไปคิดว่ามันมาจากไหน คิดว่าเป็นน้ำชา ดื่มแล้วเลยตามเลยอย่าไปคิดมาก เดี๋ยวจะอ๊วกแตก รสชาติเค็มนิดๆ อุ่นๆ กินไม่ยากแน่นอน เมื่อครั้งแรกทำได้ ครั้งต่อไปง่ายมากแล้วจะติดใจลองดู

สังคมไทย ผมว่ามีคนใช้ฉี่รักษาโรคกันมากในรูปแบบต่างๆ แต่ไม่กล้าบอกหรือเปิดเผย เพาะสังคมภายนอกไม่ยอมรับ และคิดว่าคนดื่มฉี่เป็นคนบ้า คนที่เป็นโรคบางคนก็ไม่เชื่อ ไปซื้อยากินดีกว่า ง่ายดี แต่อย่าลืมว่ายาทุกเม็ดที่เรากินเข้าไป เป็นสารเคมีทั้งนั้น ผลค้างเคียงต่อร่างกายในอนาคตเราไม่สนใจ เมื่อเรามีอายุมากขึ้น มันจะแสดงผลออกมา เมื่อนั้นเราจะรู้สึกว่าสายเกินไป

เราหันมาร่วมกันให้ความรู้ แนะนำดื่มฉี่ดีกว่า ไม่เสียเงิน ติดตัวเราไปไหนทุกที่ สะดวกในการนำมาใช้ และที่สำคัญคือ ยาที่ธรรมชาติมอบมาให้เราแล้ว นักวิจัยย้ำ 'ฉี่'รักษาโรค ทาแก้สิว-สระแก้รังแค

นักวิชาการกรมการแพทย์แผนไทย เผยงานวิจัยตอกย้ำความเชื่อ "ฉี่" รักษาโรคได้หลายชนิด รวมทั้งมะเร็ง ชี้ในปัสสาวะมีสารต้านเชื่อเอชไอวีด้วย ขณะที่รองเลขาธิการ อย.ยัน ยังไม่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์รองรับ แถมยังมีเชื้อโรคเจือปนอยู่มาก เตือนใช้วิจารณญาณให้ดี

การใช้นำปัสสาวะหรือน้ำมูตร ในการบำบัดโรคต่างๆ ของมนุษย์ ยังคงเป็นความเชื่อที่มีผู้ปฏิบัติตามจำนวนไม่น้อย ล่าสุด นักวิชาการจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ออกมาเปิดเผยงานวิจัยในเรื่องนี้ โดยระบุน้ำมูตรสามารถรักษาโรคได้หลายอย่าง รวมทั้งโรคมะเร็ง

นางราตรี ชีพอุดมวิทย์ นักวิชาการกองการแพทย์ทางเลือก กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยงานวิจัยเรื่อง "การศึกษาการใช้น้ำมูตรบำบัดในเครือข่ายชาวอโศก" ว่า สาเหตุที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้ก็เพราะเคยมีข่าวปรากฏทั้งทางหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ เกี่ยวกับการใช้นำมูตรหรือน้ำปัสสาวะบำบัดโรค โดยเบื้องต้นได้ศึกษาในกลุ่มชาวสันติอโศก เนื่องจากทราบว่าทางผู้ปฏิบัติธรรม หรือพระ มักจะมีความเชื่อในเรื่องการบำบัดด้วยน้ำปัสสาวะ

นางราตรี ระบุว่า ผลการวิจัยพบว่าชาวสันติอโศกส่วนใหญ่จะใช้น้ำมูตรสำหรับทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการดื่ม อาบ สระผม แม้กระทั่งล้างหน้า ซึ่งความเชื่อเช่นนี้ก็ได้ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกด้วยว่าพระสมัยก่อนนิยมนำน้ำมูตรเน่ามาดองกับลูกสมอ หรือลูกมะขามป้อม เพื่อฉันเป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังมีความเชื่อของคนจีนโบราณว่าการดื่มปัสสาวะจะทำให้สุขภาพดี

นักวิชาการผู้นี้กล่าวว่า การเข้าไปศึกษาพบว่าผู้ที่ดื่มปัสสาวะส่วนใหญ่จะดื่มกันสดๆ และจะใช้ปัสสาวะของตัวเอง โดยเฉพาะในช่วงเช้า เพราะเชื่อว่าจะมีสารเมลาโทนิน ซึ่งเป็นสารในปัสสาวะค่อนข้างสูง ทั้งนี้จะดื่มในปริมาณ 1 แก้วถึง 1 แก้วครึ่ง อย่างไรก็ตาม มีบางความเชื่อที่เห็นว่าถ้าจะให้ได้ผลดีต้องเป็นปัสสาวะของเด็ก ซึ่งนอกจากใช้ดื่มแล้ว ยังมีการใช้ปัสสาวะบ้วนปาก สระผม ล้างหน้า เพราะเมื่อใช้แล้วเชื่อว่าจะรักษาผมหงอก รังแค อีกทั้งยังมีสรรพคุณแก้สิว โดยให้เอาสำลีหรือกระดาษทิชชูชุบปัสสาวะปะหน้าเอาไว้

นางราตรี กล่าวว่า การวิจัยครั้งนี้ได้ศึกษาจากลุ่มตัวอย่าง 250 คน พบว่าส่วนใหญ่ที่หันมาใช้น้ำมูตรก็เพราะรับความเชื่อมาจากพระ อ่านจากพระไตรปิฎก และบางส่วนได้รับการบอกกล่าวจากเพื่อนและครู ซึ่งเมื่อทดลองใช้แล้วก็ไม่พบว่ามีผลข้างเคียงใดๆ

นางราตรี ยังระบุด้วยว่า เรื่องการใช้ปัสสาวะมาบำบัดโรคนั้น มีงานศึกษาของต่างประเทศสนับสนุน เช่น งานศึกษาของ ศ.น.พ.จอห์น อาร์เฮอร์มาน แห่งมหาวิทยาลัยแพทย์อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่นิวยอร์ก ซึ่งเคยตีพิมพ์เผยแพร่ในเจอร์นัล ออฟ แมดิซีน (Journal of Madicine Vol.8 No.7 June 1980) ได้อธิบายว่า "การดื่มน้ำปัสสาวะมีใช้กันทั่วโลก และยังจะแพร่หลายต่อไปอีกมาก ปัสสาวะก็คือส่วนที่สกัดกลั่นมาจากเลือด ถ้าเราไม่ถือว่าเลือดเป็นของสกปรก ปัสสาวะก็ไม่ควรถือเป็นของสกปรกด้วย เพราะปัสสาวะประกอบด้วยสารหลายร้อยหลายพันชนิด"

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยของ ดร.อัลเบิร์ต เซนต์ กีออร์กี นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล ซึ่งเคยทดลองใช้สารเมทิล ไกลออกซอล ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในปัสสาวะรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ได้ผลเป็นที่น่าพอใจมาแล้วหลายราย ขณะที่ น.พ.ธรรมาธิกรี รัฐมหาราษฏระ จากอินเดีย ก็ได้ทดลองให้ผู้ป่วย 200 คน ดื่มน้ำปัสสาวะของตัว และติดตามผลทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด พบว่าเมื่อดื่มน้ำปัสสาวะแล้ว เซลล์ในร่างกายจะสามารถรับออกซิเจนได้มากขึ้น การเผาผลาญในร่างกายดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดมากขึ้น ในผู้ป่วยทุกรายส่งผลให้ปริมาณฮีโมโกลบินในเลือดสูงขึ้น

นางราตรี ระบุต่อว่า สำหรับสารเมลาโทนิน ซึ่งอยู่ในน้ำปัสสาวะนั้น นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลีย พบว่า เมื่อดื่มเข้าไปจะช่วยให้จิตใจสดชื่น แจ่มใส สมาธิดีขึ้น และยังช่วยต้านความชรา ป้องกันมะเร็งได้อีกด้วย และที่สำคัญนักวิจัยหลายคนเชื่อว่า ปัสสาวะถือเป็นสิ่งดีสำหรับผู้ป่วยโรคเอดส์ เนื่องจากปัสสาวะของผู้ป่วยเอดส์ไม่ได้มีเพียงสารต้านมะเร็งเท่านั้น แต่ยังมีสารแอนติบอดีต่อเชื้อเอชไอวี-1 ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น