วันพุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2557

ปฐมกาลหมู่บ้านพอ


เมื่อหลายปีก่อน ผมเคยคิดถึงอนาคต วางแผนทำสิ่งต่างๆเพื่ออนาคต มองหาลู่ทางในการทำธุรกิจให้เจริญรุ่งเรือง ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้นทุกวันจนแทบจะเป็นการเข่นฆ่ากันในสมรภูมิรบ

ผมเชื่อว่าทุกคนคงคิดแบบนี้ ทำงานหนัก หาเงินเพื่ออนาคตจะได้มีกินมีใช้ มีพอให้ลูกหลาน มีพอไว้ยามแก่ชรา แล้วเราก็ดิ้นรนไปเรื่อยๆ จนความสุขมันหายไป เรากลายเป็นแรงงานทาสที่ทำงานแทบจะตลอดเวลา มีเศษเวลาเหลือนิดหน่อยช่วงปลายสัปดาห์ให้ได้นั่งหมดแรงทำอะไรไม่ไหว สุขภาพก็ทรุดโทรมเนื่องจากใช้งานหนัก สุขภาพจิตก็ย่ำแย่เพราะต้องรองรับความกดดันจากนายจ้างให้ต้องเร่งทำเงิน ต้องวิ่งหนีต้นทุนชีวิตที่ไล่ล่าเราอย่างกับหมาล่าเนื้อ ผมก็อยู่ในครรลองไม่ต่างไปจากที่เล่ามาทั้งหมด จวบจนกระทั่งได้พบสัจธรรมแห่งชีวิตเมื่อ ธุรกิจเจ๊ง!!!

ผมไม่เหมือนคนสู้แล้วรวยคนอื่นๆที่อาศัยจังหวะที่ล้มลง แล้วลุกขึ้นมาใหม่ การล้มลงเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ผมมองจากมุมที่อยู่ล่างสุดของชีวิต มองเลยไปที่เงื่อนไขทั้งหมดที่ระบบทุนนิยมสร้างขึ้นมา แล้วความจริงก็เปิดเผยออกมาต่อหน้าต่อตา เป็นเปลาะๆ ราวกับนักสืบที่ปะติดปะต่อหลักฐานพยานทั้งหมดจนรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร

ระบบทุนทั้งหมดเป็นเรื่องของมายาอุปโลกน์ครับ!!

ระบบทุนสร้างเงื่อนไขให้เราวิ่ง เป็นพันธนาการที่ผูกเราไว้กับระบบ เอามายาคติของความสำเร็จ ความร่ำรวย ที่เห็นกันจากเปลือกกระพี้มาหลอกล่อ ทั้งๆที่มันไม่ได้จำเป็นต่อชีวิตขนาดนั้น

ผมไม่ได้ใช้จังหวะที่ล้มลงไปนอนกองกับพื้นให้กรรมการนับสิบ ฮึดขึ้นมาสู้เช่นคนอื่นที่ออกมาเขียนหนังสือแล้วกลายเป็นคนมีชื่อเสียง ผมตั้งข้อสงสัยกับระบบทั้งหมดและได้คำตอบอย่างกระจ่างชัด ผมมองย้อนกลับไปในอดีต มองไปที่ทางเลือกอื่นที่ไม่ใช่ทุนนิยม แล้วผมก็พบคำตอบที่จะแก้ปัญหาทั้งหมดซึ่งระบบทุนนิยมสร้างขึ้นเพื่อพันธนาการเราเอาไว้เป็นแค่ทาสแรงงาน ด้วยอุดมคติปลอมๆที่สร้างภาพขึ้นมาหลอกให้เราวิ่ง

...นี่เราอยู่ใน The Matrix นี่หว่า ในใจผมคิดอย่างนั้น เมื่อเข้าใจถึงความเป็นจริงที่ทะลุทะลวงสมมติทั้งหลายที่ยึดถือกันบนโลกนี้จนหมดสิ้น

การที่จะเข้าใจความเป็นจริงของโลกนี้โดยปราศจากสัจธรรมความเป็นจริงแห่งพระพุทธองค์นั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะสัจธรรมแห่งพระพุทธองค์นี้เองคือความจริงแท้แน่นอน ไม่ใช่ความจริงที่อิงโมหะความหลง ทัศนะ คติ หรือ อคติใดๆ เมื่อเข้าใจสัจธรรมความเป็นจริงแล้ว เราก็จะเห็นความขัดแย้งแห่งสมมติทางโลกทั้งหลายอย่างชัดเจน และเห็นเลยไปถึงมายาแห่งเงื่อนไขจอมปลอมที่ผูกเราไว้กับปัญหาที่เราไม่ได้สร้างขึ้น แต่เป็นที่ตัวระบบทุนนิยมเองคือปัญหาต้นตอทั้งหมด

เพราะระบบทุนนิยมนั้น คือระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้นายทุนผู้มีกำลังทุนได้สูบกินทรัพยากรและความมั่งคั่งจากทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย โดยมีระบอบประชาธิปไตยเป็นกุญแจเบิกทาง (เพราะอย่างนี้เองที่ทุนนิยมจึงเกลียดคอมมิวนิสต์หรือสังคมนิยม) และพึ่งพาระบบสื่อในการสร้างมายาภาพ เพื่อหลอกผู้คนไปในทางที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับระบบทุน

จริงอยู่ว่าโดยภาพเบื้องหน้าของระบบทุนนิยมนั้นสวยงามเพราะขายความ "เสรี" และ "โอกาส" สำหรับทุกคนที่จะได้มีเงินทองมั่งคั่งร่ำรวยเพื่อความเป็นอยู่ที่สุขสบาย แต่โดยความเป็นจริงแล้ว คนที่ร่ำรวยจริงๆเป็นเพียงชนกลุ่มน้อยของสังคม ในขณะที่คนส่วนใหญ่ของโลกยังยากจนดิ้นรนและมีชิวิตขัดสนไม่พอกิน ระบบทุนนิยมจึงถือเป็นระบบที่จัดการทรัพยากรของโลกอย่างลำเอียงที่สุด

เพราะภาพมายาเหล่านี้เอง ความฝันของเรากับความจริงที่เห็นกับตาจึงแตกต่างกันราวกับฟ้าดิน เพราะฝันที่เรามีนั้น ก็เป็นเศษเล็กเศษน้อยของมายาการที่ระบบทุนหยิบยื่นให้เราเอามาประกอบเป็นความฝันของตนเอง ชีวิตทุกคนจึงมีแต่ดิ้นรน ไขว่คว้า แก่งแย่งแข่งขัน เพื่อชีวิตที่ดีกว่า เพื่อหาเงินมาสินค้าต่างๆที่ผู้ผลิตหลอกให้เราคิดว่า สินค้าเหล่านั้นจะทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเก่า

เคยตั้งคำถามไหมครับว่าทำไม แค่หาเงินกินข้าว 3 มื้อ มันถึงได้ยากเย็น ต้องแสวงหา เกียรติ ศักดิ์ศรี หน้าตา ชื่อเสียง เงินทองความมั่งคั่งส่วนเกิน เพื่อที่จะได้กินข้าวอย่างมีความสุข ทำไมต้องมีองค์ประกอบบ้าๆบอๆรุ่มร่ามขนาดนี้ในการที่เราจะ "แค่ใช้ชีวิต"

ทำไมผู้คนมากมาย ตั้งความหวังว่า จะทำงานเก็บเงินให้ได้มากๆเพื่อจะได้มีใช้ในตอนแก่ และลูกหลานจะได้ไม่ลำบาก ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ก็เห็นมีแต่คนที่ต้องหมดเนื้อหมดตัวกับค่ารักษาพยาบาลที่แพงระยับในท้ายที่สุด แล้วก็เห็นลูกหลานก็ยังต้องลำบากหาเงินมาเลี้ยงพ่อแม่อยู่ดี..ทำไมชีวิตถึงได้กลายเป็นภาระหนักขนาดนี้ เราทุกคนต้องมีลูกมีหลานเพื่อมารับภาระทาสต่องั้นหรือ?

โลกนี้ให้ธาตุสี่เรามาสร้างร่างกาย ให้ อาหาร น้ำ และสิ่งจำเป็นต่างๆสำหรับดำรงชีวิตมาฟรีๆ แต่มนุษย์กันเองกลับทำให้มันยุ่งยาก ด้วยการจัดสรรอย่างไม่สมดุลและเป็นธรรม และทำให้มันเป็นสินค้า ด้วยการตั้งราคา ทำให้มีทั้งคนที่มั่งคั่งเกินไป และแร้นแค้นเกินไป

เมื่อเข้าใจมายาการได้ทะลุทะลวงถึงขนาดนั้นแล้ว มีหรือผมจะโง่กลับขึ้นไปสู้บนสังเวียนที่ถูกจัดฉากขึ้นโดยนายทุนไม่กี่คนบนโลกนี้อีก ผมยอมแพ้กับระบบทุนเรียบร้อยแล้ว แต่ผมกำลังจะสร้างทางเลือกที่ตอบทุกโจทย์ซึ่งระบบทุนไม่เคยให้เราได้จริง และไม่มีวันที่จะให้เราได้เลย(เพราะมันไม่สามารถผูกขาดเอามาเป็นสมบัติตนได้อย่างที่ระบบทุนชอบทำ) และเป็นคำตอบที่จบให้กับทุกปัญหาอันเกิดจากความคับแค้นในระบบทุน ทะลุทะลวงล้างทุกสมมติทุนนิยมเพื่อให้โลกได้เห็นความจริงว่า เมื่อไม่มีทุนนิยม เราก็อยู่ได้ครับ อยู่ได้แบบไม่มีเงื่อนไขมาผูกมัดจนเป็นภาระหนักหน่วงเสียด้วย

คำตอบที่ว่านั้นก็คือ หมู่บ้านพอ ครับ

หลังจากที่พิจารณาแล้วว่า เราสามารถแสวงหาปัจจัยสี่โดยที่ไม่ต้องใช้เงินมากมาย เช่น ที่อยู่อาศัย ก็สามารถสร้างเองได้ในรูปแบบของบ้านดิน ไม่ต้องไปกู้เงินเป็นล้านๆ แล้วทำงานใช้หนี้กัน 30 ปี อาหารการกิน ก็สามารถปลูกพืช เลี้ยงสัตว์เองได้ ในแบบเกษตรอินทรีย์โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีอันตราย เครื่องนุ่งห่ม อันนี้ง่ายมากครับ เรายังสามารถซื้อหาเสื้อผ้าถูกๆดีๆได้เยอะแยะไปครับ่ ยารักษาโรค นี่ก็ปลูกเองได้ แถมยังมีวิถีแพทย์ทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคโดยใช้ต้นทุนต่ำด้วย การศึกษาสำหรับเด็กๆหรือ? คุณเรียนจบมาได้คุณก็สอนเด็กได้ครับ ไม่มีอะไรยาก แต่เราควรสอนเด็กให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง สอนโดยการใช้งานเป็นตัวสอน สอนโดยใช้พื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ไมใช่สอนเด็กเพื่อเตรียมไปเป็นแรงงานทาสที่ต้องแข่งกันแย่งกันหาเงินเหมือนที่สอนกันในโรงเรียนของระบบทุนนิยม

แล้วความสะดวกสบายล่ะเป็นไง

ก็ถ้าคุณไม่ต้องลำบากกระเสือกกระสนดิ้นรนหาเงินหาทองฟันฝ่าการแข่งขันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ต้องทำชีวิตให้มันยุ่งยากเพื่อไต่เต้ากอบโกยเงินทอง ได้มีชีวิตชิลๆ แล้วคุณจะแสวงหาความสะดวกสบายไหม? ความสะดวกสบายทั้งหลายที่มีขายอยู่นี้เขาเอาไว้สำหรับคลายทุกข์ให้คนที่ยังมีชีวิตดิ้นรนและซับซ้อนยุ่งยากเกินไปเท่านั้นครับ อย่าไปเสพติดมัน แค่นี้คุณก็จะลดภาระอะไรๆไปได้อย่างมากทีเดียว

สิ่งที่เป็นอุปสรรคในการที่จะก้าวไปสู่สิ่งเหล่านี้นั้นก็คือใจของทุกท่านนั่นเอง มาถึงตรงนี้หลายท่านอาจจะมีคำถามมากมายว่าจะทำยังไง จะทำได้ไหม ยังไม่ต้องถามถึงตรงนั้นครับ แต่ขอให้ไปทำความเข้าใจความจริงเบื้องหลังอันดำมืดของระบบทุนนิยมใน "ปศุสัตว์เมืองใหญ่" ที่ผมได้เขียนบทความเอาไว้แล้วจำนวนหนึ่ง แล้วท่านก็จะรู้และเข้าใจเองว่าทำไม ผมถึงต้องให้กำเนิดหมู่บ้านพอขึ้น อ่านไปเรื่อยๆแล้วจะทะลุทะลวงถึงกลไกทาสที่ระบบทุนสร้างครอบเราเอาไว้ แล้วความกล้าจะตามมาเอง ตัณหาที่ถูกกระตุ้นเร้าจนถึงขีดสุดเพื่อการบริโภคก็จะลดลงเองโดยไม่ต้องไปต่อต้านอะไรมันเลยครับ

ปศุสัตว์เมืองใหญ่นั้นทำหน้าที่ "เปิดโปง" ทุนนิยมอย่างตรงไปตรงมาไม่แอบแฝงผลประโยชน์ใดๆมาพักใหญ่แล้ว ก็มีคนถามว่าแล้วทำไงล่ะ หมู่บ้านพอ จึงตามมาทำหน้าที่ "ปลดแอก" ด้วยการรวบรวมภูมิปัญญาของมนุษย์ในการพึ่งพาตนเองจากทั่วโลก ตลอดจนอธิบายเนื้อหาความเป็นไปของหมู่บ้านพอให้ทุกท่านได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง และเป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม เพื่อเป็นตัวเลือกในการที่จะออกจากระบบที่สนตะพายเราให้เป็นแรงงานทาสอยู่เช่นทุกวันนี้ครับ

กลุ่มหมู่บ้านพอใน facebook
https://www.facebook.com/groups/phor.village/

2 ความคิดเห็น:

  1. ส่วนตัวผมเข้าใจแล้ว เพราะคิดไว้แล้วสักวันมันต้องเป็นแบบนี้ แต่ไม่รู้จะบอกให้คนอื่นและคนในครอบครัวเชื่ออย่างไรดี รอเฟสสองอยู่นะครับ

    ตอบลบ
  2. ยอดเยี่ยมมากครับ เห็นด้วยอย่างที่สุด ขอบคุณมากครับสำหรับแง่คิดดีๆ

    ตอบลบ