1.ขั้นแรกก็ไปหาขวดโหลปากกว้างมีฝาปิดมิดชิด ซึ่งอย่างน้อยปากขวดก็ควรจะกว้างเท่ากับตัวขวดหรือแคบกว่าเล็กน้อย อย่าเอาขวดปากแคบแบบขวดน้ำนะครับ เพราะจะใส่เนื้อแอปเปิลลงไปลำบาก พอได้ขวดมาก็ล้างให้สะอาด
2.นำแอปเปิลหั่นชิ้นเล็กๆ อาจจะเป็นเศษแอปเปิลที่ได้จากเปลือกและแกนแอปเปิลมาตากเอาไว้ให้โดนอากาศจนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหรือน้ำตาล ขั้นตอนนี้ระวังมดขึ้นนะครับ แนะนำให้ใส่กล่องทัปเปอร์แวร์เอาไว้ก็ได้ครับ ตากเอาไว้สัก 2-3 วัน(แล้วแต่พันธุ์แอปเปิล)ก็ใช้ได้แล้ว
3.นำแอปเปิลตากจนเป็นสีน้ำตาลใส่ลงในขวดโหลเผื่อที่ว่างด้านบนเอาไว้นิดนึง
3.เติมน้ำสะอาดพอท่วม แนะนำให้ใช้น้ำต้มสุกครับ โดยเหลือที่ว่างด้านบนเอาไว้ให้จุลินทรีย์มีที่หายใจ
4.ใช้ฝาขวดโหลหมุนปิดให้สนิท
5.นำไปเก็บในที่มืดหรือแสงน้อยรอไปประมาณ 6 เดือน - 1 ปี ก็สามารถนำมาใช้ได้ครับ
ข้อสังเกตและแนะนำ
1.ถ้าท่านใดใช้เปลือกและแกนแอปเปิลที่กินเหลือ ก็ค่อยๆสะสมใส่ขวดได้ครับ แต่ให้ใส่ส่วนที่เป็นเนื้อแอปเปิลผสมลงบ้าง เดี๋ยวน้ำส้มที่ได้จะไม่เข้มข้น
2.แอปเปิลแดงที่มีเนื้อเป็นทราย คือออกร่วนๆ แบบนี้ใช้ทำแอปเปิลไซเดอร์ได้ดีครับ เพราะมันจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเร็ว ละลายและย่อยสลายเร็วครับ ถ้าใครเจอแอปเปิลแบบนี้แล้วไม่ชอบกินก็เอามาทำได้ครับ
3.เมื่อแช่แอปเปิลไปได้สักอาทิตย์หนึ่งจะเริ่มมีฝ้าขาวๆขึ้นบนผิวน้ำ สิ่งนั้นคือจุลินทรีย์ครับ กลิ่นก็จะเริ่มหอม และน้ำหมักก็จะเริ่มมีรสเปรี้ยวขึ้นมานิดหนึ่งซึ่งเป็นกระบวนการหมักปกติครับ
4.ถ้าหมักไปแล้วเกิดราสีอื่นที่ไม่ใช่สีขาว อาจจะออกเทาดำ สีดำ สีเขียว อันนี้คือเสียแล้วครับ รสชาติมันจะจืดๆ อาจจะเพราะขั้นตอนการเตรียมที่ไม่สะอาด แนะนำให้เอาไปเพิ่มน้ำตาลหมักต่อเพื่อเอาไปใช้รดน้ำต้นไม้แทนครับ ของผมรอบแรกยังเสียไปหลายขวดเลย รอดมาโถใหญ่โถเดียว
ลองทำกันดูนะครับ สุขภาพดีมีได้ไม่ยาก เสียเวลาแค่นิดเดียวก็ประหยัดเงินไปได้ตั้งหลายร้อยแล้วครับ
ไม่ต้องใส่อะไรนอกจากแอปเปิลกับน้ำเท่านั้นหรือคะ
ตอบลบใช่ครับ แค่นั้นเอง
ลบรบกวนสอบถามว่า น้ำหมัก ที่เอาผลไม้ มาหมักกับน้ำตาลและน้ำ เหมือนกับ apple ciderไหมครับ พอดีที่บ้านมีเยอะครับน้ำหมัก แต่ apple cider พึ่งทำครับ แล้ว จุลินทรีย์ขาวๆ บนapple cider นำมาทำอะไรได้บ้างครับ หรือ ใช้ได้เฉพาะน้ำหมัก แอปเปิลเท่านั้นครับรบกวนด้วยครับ หรือ ส่งข้อมูลมาที่ bambooaviation@gmail.com รบกวนด้วยครับ ขอบคุณครับ
ลบน้ำหมักกับ apple cider ไม่เหมือนกันครับ แม้จะใช้กระบวนการหมักเหมือนกัน น้ำหมักจะให้กลิ่น รสที่แปลกๆ ไม่เปรี้ยวเหมือน apple cider ส่วนจุลินทรีย์ขาวๆก็เอาไปใช้เป็นหัวเชื้อในน้ำหมักอื่นๆได้อีกครับ
ลบผมลองทำตามนี้โดยใช้แอปเปิ้ลเขียว เปรี้ยวๆ หมัก 1 ปี ทีแรกไม่แน่ใจ พอลองดมดู อืม... กลิ่นน้ำส้มปนแอลกอฮอล์ ไม่ฉุน ชิมดู.. คล้ายๆที่เราซื้อจากร้านราคาแพง แต่เปรี้ยวน้อยกว่า ค่อยๆเทเอาส่วนใส ผสมน้ำผึ้งแล้วดื่ม... บอกได้เลย อร่อยมากครับ .. จะรออะไรละ เทส่วนใสใส่ขวดแช่ตู้เย็นไว้ดื่ม ได้หลายขวด ตอนนี้ทำเพิ่มแล้วครับ
ลบใช้ขวดโหลแก้วในการหมัก แล้วปิดฝาสนิท แก๊สจะดันขวดแตกไหมครับ
ตอบลบผมเคยหมักผลไม้ด้วยน้ำตาลทรายแดง มันมีแก็สดันขวดพลาสติคโป่งเลยครับ
ที่ผมทำก็ไม่มีปัญหานะครับ เพราะขวดที่ผมใช้ไม่ได้ปิดแน่นซีลจนอากาศเข้าไม่ได้เลย ผมใช้ขวดกาแฟผงน่ะครับ
ลบนำ้สมสายชูที่ทำจากแอปเปิ้ลธรรมดากับนำ้ส้มสาบชูไซเดอร์แอปเปิ้ล คืออันเดียวกันหรือเปล่าค่ะ แล้วจากวิธีทำทำมานี่หลังจากผ่านไป6เดือนแล้วต้องทำไงต่อค่ะ เอามาต้มอีกทีหรือกินได้เลยค่ะ
ตอบลบอันเดียวกันครับ พอหมักได้ที่แล้ว ก็ลองมาชิมดูมันจะเปรี้ยวๆ ก็เทในส่วนที่เป็นน้ำออกมาใช้ได้เลย ไม่ต้องต้มครับ ส่วนจุลินทรีย์ขาวๆนั่นก็เป็นจุลินทรีย์มีประโยชน์ครับ กินได้ไม่มีปัญหา
ลบถ้าหมักอากาศมันเข้าไปจะส่งผลไรป่าวค่ะ
ตอบลบทำไมต้องตากแอปเปิ้ลเหรอคะ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบไม่ตอ้งเอาไปตากแดดได้มั้ย ทำแบบ ได้แอปเปิ้ลมาจากตลาดแล้วนำมาหมักเลยได้มั้ย
ตอบลบไม่ตอ้งเอาไปตากแดดได้มั้ย ทำแบบ ได้แอปเปิ้ลมาจากตลาดแล้วนำมาหมักเลยได้มั้ย
ตอบลบ